ภาคเหนือ 15 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน น่าน ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ ตาก อุตรดิตถ์ สุโขทัย กำแพงเพชร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และ พิจิตร
ภาคกลาง 14 จังหวัด ได้แก่ อุทัยธานี นครสวรรค์ ลพบุรี อ่างทอง สิงห์บุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี กาญจนบุรี ราชบุรี สมุทรสงคราม นครนายก ประจวบคีรีขันธ์ และกรุงเทพมหานคร
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 18 จังหวัด ได้แก่ กาฬสินธุ์ มุกดาหาร ชัยภูมิ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี หนองคาย สกลนคร นครพนม บึงกาฬ อุดรธานี เลย หนองบัวลำภู และ ขอนแก่น
ภาคตะวันออก 2 จังหวัด ได้แก่ ฉะเชิงเทรา และสระแก้ว
บ้านเรือนเสียหาย 21,380 หลังคาเรือน โรงเรียน 2 แห่ง วัด 5 แห่ง สถานที่ราชการ 3 แห่ง มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 10 ราย และผู้เสียชีวิต 9 ราย ซึ่งรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ห่วงใยประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ได้กำชับให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ร่วมกับฝ่ายปกครอง และหน่วยทหารในพื้นที่ดูแลและให้การช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบสภาพอากาศ กับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่าในช่วงวันที่ 2-4 พฤษภาคม และ 7-8 พฤษภาคม บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่ง ๆ มีลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง จึงได้ประสานจังหวัด และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัย จัดเจ้าหน้าที่ และมิสเตอร์เตือนภัย ติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยตลอด 24 ชั่วโมง
ภาพจาก
workpointtv.com,
เฟซบุ๊ก ทีมข่าว-ภาพหน่วยกู้ภัยพรหมธรรมสีคิ้ว,
นริศ วงษ์เวช ทวิตเตอร์ @K5_Rescue,
@fm91trafficpro,
@js100radio,
@Huk_31_Kora,
@moui,
ทวิตเตอร์ @TNAMCOTข้อมูลจาก สำนักข่าว INN